พฤติกรรมเสี่ยงข้อเข่าเสื่อมที่หลายคนมองข้าม
ข้อเข่า (Knee Joint) คืออะไร?
ข้อเข่าเป็นข้อต่อที่สำคัญที่สุดและใหญ่ที่สุดในร่างกาย มีหน้าที่รองรับน้ำหนัก ช่วยให้เราสามารถเดิน วิ่ง นั่ง หรือเคลื่อนไหวร่างกายได้อย่างคล่องตัว
โครงสร้างสำคัญของข้อเข่า
1. กระดูก (Bones) ข้อเข่าประกอบด้วยกระดูก 3 ชิ้น ได้แก่
- กระดูกต้นขา (Femur)
- กระดูกหน้าแข้ง (Tibia)
- กระดูกสะบ้า (Patella) หรือที่เรียกว่ากระดูกหัวเข่า
3. หมอนรองข้อ (Meniscus) เป็นเนื้อเยื่อรูปตัว C ที่ช่วยรองรับแรงกดและเพิ่มความมั่นคงให้ข้อเข่า
4. เอ็นและกล้ามเนื้อ (Ligaments & Muscles) ทำหน้าที่ยึดข้อเข่าให้มั่นคงและช่วยให้เคลื่อนไหวได้อย่างเป็นธรรมชาติ
โรคข้อเข่าเสื่อม
ข้อเข่าเสื่อม (Knee Osteoarthritis) เป็นโรคที่เกิดจากภาวะเสื่อมของกระดูกอ่อนข้อเข่าที่มีการสึกหรอ กร่อนลง เนื่องจากสาเหตุต่าง ๆ ทำให้ไม่มีผิวกระดูกอ่อนข้อเข่ามาห่อหุ้ม จึงมีการชนกันของเนื้อกระดูกข้อเข่าขณะรับน้ำหนัก หรือมีการเคลื่อนไหว ทำให้มีอาการต่าง ๆ ตามมา เช่น อาการปวดที่เข่า เข่าบวม ข้อติดหากปล่อยไว้นาน โดยไม่มีการดูแลรักษา อาจทำให้เกิดข้อเข่าผิดรูปได้
สาเหตุของโรคข้อเข่าเสื่อม
1. อายุ
2. เพศ
3. กรรมพันธุ์
4. น้ำหนักตัว
5. การใช้งาน
6. อุบัติเหตุ
7. โรคบางชนิด
อาการและระยะของโรคข้อเข่าเสื่อม
อาการของโรคข้อเข่าเสื่อมจะค่อย ๆ เกิดขึ้น ทำให้ใครหลายคนละเลยการสังเกตุอาการข้อเข่าเสื่อมในระยะแรก จนทำให้ปล่อยไว้เป็นระยะเวลานาน
1. มีอาการปวดข้อเข่าเป็น ๆ หาย ๆ มักปวดมากขึ้นเมื่อใช้งานมีการเคลื่อนไหว
2. มีเสียง "กรอบแกรบ" เมื่อขยับเข่า ขณะเคลื่อนไหวเข่า และจะรู้สึกปวดเข่าร่วมด้วย
3. ข้อเข่าฝืด เข่าติด หรือขยับลำบากในตอนช่วงเวลาที่อยู่ในท่าใดท่าหนึ่งนานๆ
4. มีอาการเสียวหัวเข่า โดยเฉพาะเวลามีการเคลื่อนไหว
5. ข้อเข่ามีอาการบวม แดง ร้อน และเจ็บเมื่อกด
6. ข้อเข่าผิดรูป หรือมีอาการโก่งงอ เดินลำบากหรือรู้สึกว่าขาไม่มั่นคง
ระยะของอาการโรคข้อเข่าเสื่อม แบ่งเป็น 4 ระยะ คือ
ระยะที่ 1 อาจไม่มีอาการชัดเจน หรือมีอาการปวดเข่าเล็กน้อยเป็นครั้งคราว
ระยะที่ 2 ปวดข้อเข่าเมื่อลงน้ำหนักนาน ๆ หรือออกกำลังกายหนัก
ระยะที่ 3 ปวดข้อเข่าตลอดเวลา แม้ไม่ได้ออกแรงมาก
ระยะที่ 4 ปวดรุนแรงแม้อยู่เฉย ๆ เดินแทบไม่ได้

พฤติกรรมเสี่ยงกระตุ้นให้เกิดโรค
1.การออกกำลังกายที่กระทบกระเทือนข้อเข่า เช่น
- การวิ่งบนพื้นแข็ง
- กระโดดเชือก
- ฟุตบอล บาสเกตบอล เทนนิส
- เวทเทรนนิ่งที่ใช้น้ำหนักมากเกินไป
คนที่ต้องนั่งพับเพียบหรือนั่งยองๆ บ่อยๆ เช่น พ่อค้าแม่ค้า ช่างเสริมสวย มีความเสี่ยงสูง
3. การยกของหนักบ่อย ๆ
คนที่ทำงานที่ต้องยกของหนัก เช่น พนักงานโกดัง พนักงานขนส่ง
4. ได้รับบาดเจ็บที่บริเวณเข่าช้ำๆ เช่น
- เอ็นฉีกขาด (ACL, MCL)
- กระดูกหัก หรือข้อเคลื่อน
- อุบัติเหตุที่ส่งผลต่อข้อเข่า
การไม่ออกกำลังกายทำให้กล้ามเนื้อรอบข้อเข่าอ่อนแรง ส่งผลให้ข้อเข่ารับแรงโดยตรง เช่น คนที่ทำงานออฟฟิศ หรือใช้ชีวิตแบบนั่งนานๆ
6. การใช้รองเท้าที่ไม่เหมาะสม
รองเท้าที่ไม่มีซัพพอร์ต เช่น
- รองเท้าส้นสูง
- รองเท้าพื้นแข็งหรือแบนเกินไป
- รองเท้าที่เสื่อมสภาพ
น้ำหนักตัวที่มากขึ้น = แรงกดที่ข้อเข่ามากขึ้น
- ทุก ๆ 1 กิโลกรัมที่เกินมา ข้อเข่าจะต้องรับน้ำหนักเพิ่มขึ้น 4 เท่า

แนวทางการรักษา
แนวทางการรักษาโรคข้อเข่าเสื่อม (Knee Osteoarthritis Treatment) การรักษาโรคข้อเข่าเสื่อมมีหลายวิธี ขึ้นอยู่กับ ระดับความรุนแรงของโรค ซึ่งสามารถแบ่งได้เป็น แนวทางที่ไม่ใช้ยา, การใช้ยา และการผ่าตัด
1. การรักษาโดยไม่ใช้ยา (Non-Pharmacological Treatment)
เป็นวิธีที่ช่วยบรรเทาอาการและชะลอการเสื่อมของข้อเข่า เหมาะกับ ระยะเริ่มต้น - ปานกลาง
1.1 ควบคุมน้ำหนัก
- ลดน้ำหนัก ทุกๆ 1 กิโลกรัม ที่ลดลง จะช่วยลดแรงกดที่ข้อเข่าประมาณ 4 กิโลกรัม
- ควบคุมอาหาร หลีกเลี่ยงของทอด น้ำตาล และอาหารแปรรูป
1.2 ออกกำลังกายเพื่อเสริมสร้างกล้ามเนื้อรอบข้อเข่า
ท่าออกกำลังกายที่แนะนำ
- ปั่นจักรยาน (แรงกระแทกต่ำ)
- ว่ายน้ำ หรือแอโรบิกในน้ำ
- โยคะ และพิลาทิส ช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นของข้อ
- ท่าเขย่งปลายเท้า และยืดเหยียดขา
- ใช้ อัลตราซาวด์บำบัด (Ultrasound Therapy) หรือ ประคบร้อน/เย็น
- ฝึกบริหารข้อต่อเพื่อเพิ่มความแข็งแรงของกล้ามเนื้อรอบเข่า
- สนับเข่า (Knee Brace) ช่วยลดแรงกด
- ใช้ไม้เท้าช่วยเดิน เพื่อลดแรงกระแทก
- อุปกรณ์ควบคุมการเคลื่อนไหวส่วนขาและเข่า (Limited Motion Knee Brace)
1.5 ปรับพฤติกรรมการใช้ข้อเข่า
- หลีกเลี่ยง นั่งยอง ๆ, นั่งพับเพียบ, นั่งไขว่ห้าง
- ใช้เก้าอี้ที่มีที่พักแขนเพื่อช่วยพยุงตัว
2. การรักษาด้วยยา (Pharmacological Treatment)
เหมาะสำหรับผู้ที่มีอาการปวดปานกลางถึงรุนแรง
2.1 ยาแก้ปวดและต้านการอักเสบ (NSAIDs)
- เช่น ไอบูโพรเฟน (Ibuprofen), นาโปรเซน (Naproxen), ไดโคลฟีแนค (Diclofenac)
- ช่วยลดอาการปวดและอักเสบ แต่ไม่ควรใช้ติดต่อกันนานเกินไป
2.2 ยาพาราเซตามอล (Paracetamol)
- ใช้ในกรณีปวดเล็กน้อยถึงปานกลาง
2.3 ยาฉีดเข้าข้อเข่า
- สารหล่อลื่นข้อเข่า (Hyaluronic Acid Injection): ช่วยลดแรงเสียดทาน
- สเตียรอยด์ (Corticosteroid Injection): ลดอาการอักเสบเฉียบพลัน
- เกล็ดเลือดเข้มข้น (PRP - Platelet Rich Plasma): กระตุ้นการซ่อมแซมของกระดูกอ่อน
3. การรักษาด้วยการผ่าตัด (Surgical Treatment)
- ใช้ในกรณีที่ข้อเข่าเสื่อมรุนแรงและรักษาด้วยวิธีอื่นไม่ได้ผล
- ใช้กล้องขนาดเล็กเข้าไปล้างเศษกระดูกอ่อนและเนื้อเยื่อที่อักเสบ
- เหมาะสำหรับผู้ที่ข้อเข่ายังไม่เสียหายมาก
- เหมาะสำหรับผู้ที่ข้อเข่าโก่งผิดรูป แต่ยังไม่ต้องเปลี่ยนข้อเข่าเทียม
- ใช้ในผู้ป่วยระยะสุดท้ายที่ข้อเข่าเสียหายรุนแรง
- เปลี่ยนข้อเข่าใหม่ด้วยวัสดุโลหะและพลาสติก
- อายุการใช้งานของข้อเข่าเทียมประมาณ 15-20 ปี
โรคข้อเข่าเสื่อมเป็นภาวะที่กระดูกอ่อนเสื่อมสภาพ ส่งผลให้เกิดอาการปวด บวม ตึงข้อ และเคลื่อนไหวลำบาก ปัจจัยเสี่ยงหลัก ได้แก่ อายุที่มากขึ้น, น้ำหนักเกิน, การใช้งานข้อเข่าหนัก และการบาดเจ็บซ้ำๆ แนวทางรักษามีทั้งการควบคุมน้ำหนัก, กายภาพบำบัด, ใช้ยา หรือฉีดสารหล่อลื่นข้อเข่า และในกรณีรุนแรงอาจต้องผ่าตัด การป้องกันทำได้โดยหลีกเลี่ยงพฤติกรรมเสี่ยง ออกกำลังกายอย่างเหมาะสม และดูแลสุขภาพข้อเข่าตั้งแต่เนิ่นๆ เพื่อชะลอการเสื่อมและลดความเสี่ยงในการผ่าตัด