ปวดหลังบอกโรค

อาการปวดหลัง โดยเฉพาะบริเวณ หลังส่วนล่าง (Lower Back) มักถูกมองว่าเป็นแค่อาการเมื่อยล้า แต่ในความเป็นจริงแล้ว มันอาจเป็นสัญญาณเริ่มต้นของโรคที่ซ่อนอยู่ ไม่ว่าจะเป็น หมอนรองกระดูกเสื่อม, กล้ามเนื้ออักเสบ, หรือแม้แต่ กระดูกทับเส้นประสาท การละเลยอาการปวดจึงอาจนำไปสู่ปัญหาเรื้อรังในอนาคต

ทำไมเราถึงปวดหลัง?
อาการปวดหลังส่วนล่างมักเกิดจากหลายสาเหตุ เช่น
  • ยกของผิดท่า
  • นั่งทำงานนานในท่าที่ไม่ถูกต้อง
  • ขับรถนานโดยไม่ขยับตัว
  • ภาวะเสื่อมของกระดูกและหมอนรองกระดูกจากอายุที่มากขึ้น
  • กล้ามเนื้ออ่อนแรง ไม่มีกล้ามเนื้อพยุงกระดูกสันหลัง


ในหลายกรณี อาการปวดหลังไม่ได้เกิดจากอุบัติเหตุรุนแรง แต่จาก "พฤติกรรมในชีวิตประจำวัน" ที่สะสมไปเรื่อย ๆ จนกลายเป็นภาวะเรื้อรัง แต่อาการปวดหลังไม่ได้เกิดจากกล้ามเนื้ออย่างเดียว แต่ยังอาจมาจาก กระดูกสันหลัง หมอนรองกระดูก เส้นประสาท ไต หรือแม้แต่อวัยวะภายใน อื่น ๆ โดยเฉพาะหากมีอาการร่วม เช่น ปวดร้าวลงขา ชา กลั้นปัสสาวะไม่ได้ หรือมีไข้ร่วมด้วย


โรคที่มักแฝงมากับ อาการปวดหลัง
1. หมอนรองกระดูกเสื่อม หรือหมอนรองกระดูกเคลื่อน (Herniated Disc)

  • ปวดหลังส่วนล่าง ร้าวลงขา
  • รู้สึกชาหรืออ่อนแรงบริเวณขา
  • มักเกิดหลังยกของหนักหรือก้มผิดท่า

2. โรคกระดูกสันหลังเสื่อม (Degenerative Spine Disease)
  • พบมากในผู้สูงอายุ
  • ปวดเรื้อรัง เคลื่อนไหวลำบาก
  • อาจเกิดจากกระดูกพรุนร่วมด้วย

3. กระดูกสันหลังคดหรือผิดรูป
  • ปวดหลังเมื่อยืนหรือเดินนาน
  • ลักษณะหลังอาจเอียง ไม่สมดุล
  • พบบ่อยในวัยรุ่นและผู้สูงวัย

4. กล้ามเนื้ออักเสบหรือยึดตึง
  • มักเกิดจากการนั่งทำงานนาน ๆ
  • ปวดตึงบริเวณบ่า คอ หรือหลัง
  • ดีขึ้นเมื่อได้พักหรือยืดเหยียด

5. โรคไต หรือการติดเชื้อทางเดินปัสสาวะ
  • ปวดหลังด้านข้าง ใต้ชายโครง
  • ปัสสาวะผิดปกติหรือมีไข้ร่วม
  • ต้องแยกจากปวดกล้ามเนื้อธรรมดา

6. โรคทางระบบสืบพันธุ์ (ในผู้หญิง)
  • ปวดหลังร่วมกับปวดท้องน้อย
  • อาจเกิดจากถุงน้ำในรังไข่ หรือเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่

 

อาการปวดหลังสามารถบ่งชี้โรคหรือภาวะต่าง ๆ ได้แตกต่างกันไปตาม ตำแหน่ง ที่ปวด เพราะแต่ละตำแหน่งของหลังเชื่อมโยงกับโครงสร้างและอวัยวะภายในที่หลากหลาย ด้านล่างนี้คือสรุปว่า "ปวดหลังบริเวณไหน ส่อถึงโรคอะไรได้บ้าง" อย่างเข้าใจง่าย:

1. ปวดบริเวณ คอถึงไหล่ (ปวดต้นคอ / คอร้าวลงบ่า)

โรคที่เป็นไปได้ :
  • กล้ามเนื้อตึงจากท่าทางผิด เช่น ก้มเล่นมือถือ, จ้องคอมพ์
  • หมอนรองกระดูกต้นคอกดทับเส้นประสาท (Cervical disc herniation)
  • ภาวะกระดูกคอเสื่อม (Cervical spondylosis)
  • ไหล่ติด หรือเส้นเอ็นอักเสบบริเวณสะบัก
อาการร่วม: ปวดร้าวลงแขน มือชา กล้ามเนื้ออ่อนแรง

2. ปวดบริเวณ กลางหลัง (ระหว่างสะบักหรือกลางหลังตรง)

โรคที่เป็นไปได้ :
  • กล้ามเนื้อเกร็งจากการนั่งผิดท่า นั่งนาน
  • โรคกระดูกสันหลังเสื่อมบริเวณทรวงอก (Thoracic spine degeneration)
  • หมอนรองกระดูกเคลื่อนระดับกลางหลัง (พบได้น้อย)
  • ปัญหาเกี่ยวกับปอด หัวใจ หรือกระเพาะอาหาร (เช่น กรดไหลย้อน)
อาการร่วม: แน่นหน้าอก หายใจลำบาก จุกแน่นลิ้นปี่ ต้องแยกจากโรคหัวใจ

3. ปวดบริเวณ บั้นเอวหรือหลังส่วนล่าง (Low Back Pain)

โรคที่เป็นไปได้ :
  • กล้ามเนื้อหลังอักเสบ จากการยกของ/ก้มผิดท่า
  • หมอนรองกระดูกทับเส้นประสาท (เช่น ปวดร้าวลงขา ชา)
  • กระดูกสันหลังเสื่อม หรือกระดูกพรุน
  • ข้อกระดูกสันหลังอักเสบ เช่น Ankylosing spondylitis
อาการร่วม: ปวดร้าวลงขา เดินลำบาก ยืน/นั่งนานไม่ได้

4. ปวด ด้านข้างลำตัวหรือเอว (ด้านซ้ายหรือขวา ใต้ชายโครง)

โรคที่เป็นไปได้ :
  • โรคไต เช่น นิ่วในไต หรือการอักเสบของกรวยไต (ปวดแบบลึก หน่วง ๆ)
  • กล้ามเนื้อข้างลำตัวตึง
  • โรคตับหรือถุงน้ำดี (หากเป็นด้านขวา)
  • โรคม้าม (หากเป็นด้านซ้าย)
อาการร่วม: ปัสสาวะผิดปกติ มีไข้ หนาวสั่น (ในกรณีโรคไต)

5. ปวด หลังช่วงก้นกบ / ตะโพก หรือปวดร้าวลงขา

โรคที่เป็นไปได้ :
  • หมอนรองกระดูกสันหลังเคลื่อนทับเส้นประสาท (Sciatica)
  • กล้ามเนื้อสะโพกอักเสบ (Piriformis syndrome)
  • เส้นประสาทบาดเจ็บ
  • ข้อสะโพกเสื่อม หรือปัญหากระดูกเชิงกราน
อาการร่วม: ชา หรือเจ็บจี๊ดเหมือนไฟช็อตลงขา นั่งนานไม่ได้

6. ปวดหลัง ร่วมกับปวดท้องน้อย (โดยเฉพาะในผู้หญิง)

โรคที่เป็นไปได้ :
  • เยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ (Endometriosis)
  • ถุงน้ำในรังไข่
  • มดลูกหรือปีกมดลูกอักเสบ
  • โรคในระบบทางเดินปัสสาวะ
 อาการร่วม: ปวดรอบเดือนมาก, ประจำเดือนมาไม่ปกติ, ตกขาวผิดปกติ

 


ปวดหลังแบบไหน อันตราย?

1. ปวดหลังอย่างรุนแรง หรือปวดเรื้อรังเกิน 6 สัปดาห์ อาจเป็นโรคหมอนรองกระดูกเสื่อม หรือมะเร็งกระดูก


2. ปวดหลังร่วมกับมีไข้ หนาวสั่น อาจเกิดจากการติดเชื้อในกระดูกหรือระบบทางเดินปัสสาวะ


3. ปวดร้าวลงขา ชา หรือกล้ามเนื้ออ่อนแรง เสี่ยงหมอนรองกระดูกกดทับเส้นประสาท


4. กลั้นปัสสาวะ / อุจจาระไม่ได้ อาจเป็นภาวะฉุกเฉิน เช่น กลุ่มอาการ Cauda Equina Syndrome (ต้องผ่าตัดโดยด่วน)


5. เคยมีประวัติมะเร็ง หรืออุบัติเหตุรุนแรง ต้องตรวจอย่างละเอียดเพื่อแยกโรคอันตราย


6. น้ำหนักลดโดยไม่ทราบสาเหตุ เหนื่อยล้า เบื่ออาหาร อาจเกี่ยวข้องกับโรคร้ายแรง เช่น มะเร็ง หรือวัณโรคกระดูก
หากมีอาการเหล่านี้ร่วมกับปวดหลัง อย่ารอดูอาการเอง รีบพบแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัยอย่างถูกต้อง ป้องกันโรคลุกลาม


แนวทางดูแลตัวเองเบื้องต้น

  • พักการใช้งานหลัง 12 วันแรก (ไม่นอนติดเตียง)
  • ใช้ ถุงน้ำร้อนหรือน้ำแข็งประคบ เพื่อลดการอักเสบ
  • ทำกายภาพเบา ๆ เช่น การยืดกล้ามเนื้อหลังหรือสะโพก
  • ปรับเปลี่ยนท่าทางระหว่างทำงาน เช่น ตั้งจอคอมให้พอดีกับสายตา
  • ใช้ เข็มขัดพยุงหลัง เพื่อช่วยลดแรงกดและประคองหลังให้อยู่ในแนวตรง

เข็มขัดพยุงหลัง ตัวช่วยเพื่อหลังที่มั่นคงและปลอดภัย ในกลุ่มคนที่มีอาการปวดหลังส่วนล่าง ไม่ว่าจะมาจากการทำงาน ยกของ หรือออฟฟิศซินโดรม เข็มขัดพยุงหลัง Elnova ถือเป็นอุปกรณ์ช่วยที่ตอบโจทย์อย่างมาก เพราะ
  • ช่วยกระชับกล้ามเนื้อและลดแรงกด บริเวณหลังส่วนล่าง
  • ออกแบบให้รองรับสรีระ อย่างเหมาะสม ช่วยจัดแนวหลังให้อยู่ในท่าทางที่ถูกต้อง
  • วัสดุระบายอากาศได้ดี ไม่ร้อน ไม่อับ ใส่สบายตลอดวัน
  • เหมาะกับการใช้งานในชีวิตประจำวัน ทั้งยืน เดิน ขับรถ หรือแม้แต่นั่งทำงาน
  • แถบรัดเสริมแรงแบบคู่ (Double Strap) เพิ่มความกระชับแต่ไม่รัดแน่นจนเกินไป

อาการปวดหลังเล็กน้อย อาจบอกโรคใหญ่ อย่ารอให้ปวดจนเรื้อรัง เพราะการดูแลที่เร็วและเหมาะสม จะช่วยให้คุณฟื้นตัวไว และกลับมาใช้ชีวิตได้เต็มที่เร็วขึ้น การเลือกใช้ เข็มขัดพยุงหลังส่วนล่าง ควบคู่กับการปรับพฤติกรรมและการบริหารร่างกายอย่างเหมาะสม จึงเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ช่วยให้คุณ เบาแรงหลัง สบายตัว และเคลื่อนไหวอย่างมั่นใจ

บทความที่เกี่ยวข้อง
icon-messenger
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้
เปรียบเทียบสินค้า
0/4
ลบทั้งหมด
เปรียบเทียบ
Powered By MakeWebEasy Logo MakeWebEasy